พระเบญจภาคีทองคำ พุทธคุณขลัง พระเครื่องไทย ขึ้นชื่อเรื่องความหายาก

พระเบญจภาคี

หากกล่าวถึง “พระเครื่อง” ที่เปี่ยมล้นด้วยพุทธคุณเข้มขลัง ขึ้นชื่อเรื่องความหายาก และความเก่าแก่ที่เซียนพระทุกคนต่างใฝ่หา หลายคนคงคุ้นหูกับ 5 พระเครื่องมหามงคลแห่งตำนาน “พระเบญจภาคี” ที่ไม่ได้เด่นดังแค่ความหายาก และเก่าแก่ แต่ยังแฝงไปด้วยเสน่ห์แห่งพุทธศิลป์ และพุทธคุณขลัง ที่ถูกเล่าสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นว่าจะช่วยเสริมเสน่ห์ หนุนนำความรัก เด่นดังเรื่องเมตตามหานิยม เพิ่มพูนอำนาจบารมี ให้มีแต่คนรักคนเมตตาจนกลายเป็นพระพิมพ์นิยมที่ทุกคนควรค่าแก่การเก็บสะสม

เปิดตำนาน “เบญจภาคี” แห่งพระเครื่อง

สำหรับพระเครื่องเบญจภาคี ถือเป็นพระเครื่องยอดนิยมที่คนไทยให้ความเคารพนับถือ และให้ความศรัทธาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพระเครื่องสุดยอดประสบการณ์ดี เสริมบารมีแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง

พระเบญจภาคี เดิมทีมีเพียง 3 องค์พระ คือ พระสมเด็จ พระนางพญา และพระรอด ต่อมาได้นำพระเครื่องมหามงคลอีก 2 องค์เข้ามารวมด้วย คือ พระกำแพงซุ้มกอ และพระผงสุพรรณ โดยทั้ง 5 องค์นี้ในวงการพระเครื่องถือเป็นสุดยอด ในเรื่องของพุทธานุภาพ เสริมอำนาจ บารมี เสริมความก้าวหน้า รุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย และมีมูลค่าสูงมากในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละองค์จะมีประวัติความเป็นมาที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระชุดเบญจภาคี ที่นับวันยิ่งหายากยิ่งขึ้นอีกด้วย

พระเบญจภาคีทองคำล้ำค่า ผ่านกาลเวลายิ่งทวีมูลค่า

“พระเบญจภาคี” ถูกค้นพบมานานหลายชั่วอายุคน เฉลี่ยรวมอายุแต่ละองค์นั้นเก่าแก่นับ 100 กว่าปี โดยส่วนใหญ่เนื้อผิวขององค์พระจะเป็นพระผง พระเนื้อดินละเอียด ซึ่งต่อมาเนื่องด้วยปัจจุบันองค์พระได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงได้นำพิมพ์มาบูรณะจัดสร้างใหม่ในหลายๆ ครั้ง และมีเนื้อหลายแบบ ทั้งเนื้อกะไหล่ทอง เนื้อนวโลหะ เนื้อทองแดง เนื้อเงิน และที่หายากที่สุดคือ “พระเบญจภาคีทองคำ” ที่จัดสร้างจากทองคำแท้บริสุทธิ์

ซึ่งข้อดีของการจัดสร้างพิมพ์พระใหม่นี้คือมีพิมพ์ที่สวยงาม คม ชัดมากขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญเก็บรักษาคงสภาพพิมพ์พระขลังอมตะให้คงอยู่กับเราไปชั่วลูกสืบหลาน ที่สำคัญ “พระเบญจภาคีทองคำ” ล้วนแล้วแต่ผ่านพิธีการปลุกเสก จากวัดที่ถือว่าเป้นปฐมอาราม แห่งพระเครื่องมหามงคลทั้งหานี้ ปลุกเสกเข้มขลังตลอดทั้งพิธี และคงไว้ซึ่งพุทธคุณดั้งเดิม ที่ไม่ว่าใครได้บูชาก็จะช่วยเสริมบารมีให้ดียิ่งขึ้นไปอีกเท่าทวีคูณ

พระเบญจภาคี มีพระอะไรบ้าง

  1. พระสมเด็จ จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง
  2. พระซุ้มกอทองคำ เสริมการค้าขาย เรียกทรัพย์
  3. พระผงสุพรรณ มนต์เสน่ห์แห่งอำนาจ เเละบารมี
  4. พระรอด เมตตากรุณา แคล้วคลาดปลอดภัย
  5. พระนางพญา มนต์เสน่ห์แห่งผู้นำ ผู้คนรักใคร่
กลับสู่สารบัญ

1. พระสมเด็จทองคำ

พระมงคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง” ทั้งปวง ปัจจุบันมีการจัดสร้าง “พระสมเด็จเนื้อทองคำ” พิมพ์ดั้งเดิมที่หลากหลาย ทั้งพระสมเด็จทองคำ วัดระฆัง ฐาน 3 ชั้น พระสมเด็จปากน้ำ พุทธศิลป์เด่นดัง ดั่งแสงรัศมี และพระสมเด็จเกศไชโย ฐาน 7 ชั้น พิมพ์พระสมเด็จที่หลายคนกล่าวว่ามีพิมพ์ที่สวย คม งดงาม รายละเอียดคมชัดมากที่สุด 1 ใน 3 ตระกูลพิมพ์พระสมเด็จ ที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต หนึ่งในสุดยอดชุดพระเบญจภาคี ที่ได้รับความนิยม และมีผู้คนตามหาเพื่อเก็บสะสมกันอย่างกว้างขวาง

การจัดสร้าง ตลอดจนถึงการทำพิธีในการปลุกเสก “พระสมเด็จทองคำ” ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพิธียิ่งใหญ่ระดับประเทศ โดยเฉพาะการจัดสร้างในวาระโอกาสสำคัญ อาทิเช่น การจัดสร้างเพื่อเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา ของพระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ ที่การทำพิธีในการปลุกเสกพระสมเด็จนั้น จะพิถีพิถันในทุกขั้นตอน และมีการเททองหล่อ โดยได้รับพระราชทานทองคำราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ในการจัดสร้างอีกด้วย ในพิธีปลุกเสกทุกครั้ง จะมีเกจิดังเข้าร่วมประสิทธิ์ประสาทความขลัง และได้สมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น ร่วมในพิธีปลุกเสกอีกด้วย

ฉะนั้นใครที่เก็บสะสมพระทองคำอยู่แล้ว “พระสมเด็จทองคำ” จึงเป็นอีกความล้ำค่าที่ควรเก็บเป็นมรดกให้ลูกหลาน อีกทั้งภายหลังที่พิมพ์พระมงคลนี้เป็นที่นิยม การจัดสร้างพิมพ์จึงทำให้มีขนาดเล็กลงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยในการสวมใส่ติดตัวบูชามากยิ่งขึ้นอีกด้วย

พระสมเด็จ หรือที่รู้จักกันในนาม “พระสมเด็จ วัดระฆัง” แห่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ถูกจัดสร้างขึ้นโดยพระคุณสมเด็จพุฒจารย์โตพรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม ตั้งแต่ พ.ศ.2387 ซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จนถึงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) แกะแม่พิมพ์ดั้งเดิมโดย เสมียนตราด้วงขึ้นชื่อที่สุดในยุคนั้น เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 170 ปี

ลักษณะของพระสมเด็จรูปลักษณ์ภายนอกมีลักษณะเป็นพิมพ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าคุ้นตา ด้านในมีกรอบโค้ง และมีเค้าโครงรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่บนพุทธบัลลังก์ที่ซ้อนกันหลายชั้น โดยพระสมเด็จดั้งเดิมนั้นจะเป็นพระเนื้อผง สีขาว มีหลากหลายพิมพ์

ตามจริงแล้วในบรรดาพระเบญจภาคีทั้ง 5 องค์นั้น พระสมเด็จอาจเรียกได้ว่าเป็นพระพิมพ์ที่มีอายุความเก่าแก่น้อยที่สุด แต่กลับได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นพระเพียงองค์เดียวที่มีบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ใดเป็นคนจัดสร้างขึ้น ถูกปลุกเสกเข้มขลังจริงจนกลายเป็นตำนานที่มิอาจประเมินค่า

พุทธคุณขลัง “พระสมเด็จ” เสริมเมตตามหานิยม

สุดยอดตำนาน พุทธคุณโดดเด่นเข้มขลังของชุดพระเบญจภาคีนั้น ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เด่นดังด้านเมตตามหานิยม ให้ผู้คนรักใคร่เมตตา ต้องยกให้กับ พระสมเด็จซึ่งจัดสร้างโดยสมเด็จพุฒจารย์โตพรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม ดังที่กล่าวไปข้างต้น มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้งเมื่อสมเด็จพุฒาจารย์โตฯ ไปเยี่ยมญาติที่เมืองกำแพงเพชร ในสมัยนั้นจังหวัดกำแพงเพชรเป็นเมืองที่งดงามด้วยพุทธศิลป์อันบริสุทธิ์ ท่านได้มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้แตกฉานทางด้านอักษรโบราณเป็นอย่างมาก ทำให้ท่านสามารถอ่านศิลาจารึกที่ว่าไว้ถึงกรรมวิธีการสร้างพระเครื่อง ผสมผสานด้วยวัตถุมงคลอื่นๆ รวมกับผงวิเศษซึ่งสำเร็จจากคัมภีร์พุทธาคม ผสมผสานเข้าด้วยกันจนก่อเกิดเป็นพระสมเด็จ

นอกจากนี้แล้วยังมีการสันนิษฐานกันอีกว่าท่านได้นำข้าวก้นบาตร อาหารคาว และหวานต่างๆ ที่ท่านฉัน หากคำไหนไม่อร่อยจะคายออกมา และถูกนำไปตากแห้งเพื่อนำไปบดตำ และรวบรวมขึ้นเป็นพระสมเด็จ ซึ่งถูกต้องตามหลักการสร้างพระอาหารของชาวรามัญ เรื่องเล่าต่างๆ ทั้งหมดนี้ ประกอบเข้ากับจารึกตำนานทางประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าพระสมเด็จถูกจัดสร้างขึ้นโดยสมเด็จพุฒจารย์โตพรหมรังสีจนทำให้พระสมเด็จนั้นได้รับการขนานนามว่า “ราชาแห่งพระเครื่อง”

กลับสู่สารบัญ

2. พระซุ้มกอทองคำ

พระซุ้มกอ หรือ พระกำแพงซุ้มกอ การจัดสร้างเป็นพิมพ์พระทองคำถือว่าหายากมากๆ เพราะเป็นพิมพ์พระโบราณที่รายละเอียดค่อนข้างเยอะ โดยการจัดสร้าง “พระซุ้มกอทองคำ” จะมีเพียงบางวัดเท่านั้น อาทิเช่น วัดนางพญา ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดสร้างพระเครื่องเนื้อทองคำ โดยเฉพาะชุดพระเครื่องเบญจภาคี

อีกทั้งวัดนางพญา ยังถือเป็นวัดลำดับต้นๆ ที่ปลุกกระแสพระเครื่องมหามงคลทั้ง 5 องค์นี้ในรูปแบบเนื้อทองคำ เพื่อเป็นความมงคลให้กับผู้ที่เก็บสะสมพระเครื่องที่มีรายละเอียดสวยงาม และเพียบพร้อมด้วยพุทธคุณเข้มขลัง ปลุกเสกโดยพิธีขลังดั้งเดิมที่มีเฉพาะที่วัดนางพญาเท่านั้นอีกด้วย

พระพิมพ์นิยมเรียกทรัพย์ อายุสร้างมากกว่า 1,000 ปี ตำนานพระกรุแห่งเมืองกำแพงเพชร ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเครื่องเมตตามหานิยมแห่งศิลปะสุโขทัยผสมศรีลังกา ไม่มีประวัติผู้สร้างที่ชัดเจน แต่จากการไล่เรียงประวัติศาสตร์นั้น ได้มีการคาดการณ์กันเอาไว้ว่าพระซุ้มกอถูกจัดสร้างโดยพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งดำรงพระยศผู้ครองเมืองชากังราว ในฐานะเมืองหน้าด่านสำคัญของอาณาจักรสุโขทัย ก่อนที่พระองค์จะได้รับสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย

ลักษณะโดยรวมของพระซุ้มกอนั้น ขอบของพิมพ์จะมีลักษณะโค้งมนลักษณะเหมือนซุ้ม มองดูแล้วคล้ายตัวอักษร ก.ไก่ จึงเป็นที่มาของชื่อ พระซุ้มกอ หรือพระกำแพงซุ้มกอ ภายในของซุ้มนั้นเผยให้เห็นองค์พระพุทธรูปนั่งประทับอยู่เรียกได้ว่าเป็นพิมพ์พระที่เผยศิลปะสุโขทัยไว้อย่างเด่นชัดไร้ที่ติ

พุทธคุณขลัง “พระซุ้มกอ” เสริมการค้าขาย เรียกทรัพย์

“มีกูแล้วไม่จน” อีกหนึ่งฉายาอันโด่งดัง ที่ใครๆ ต่างก็คุ้นหูของ “พระซุ้มกอ” หรือ พระซุ้มกอกำแพงเพชร อีกหนึ่งพระสำคัญที่เปรียบดั่งอัญมณีสำคัญที่ชาวกำแพงเพชรนั้นภาคภูมิใจ ในยุคสมัยหนึ่งที่มีการขุดพบพระเครื่องกันเป็นจำนวนมาก ทำให้พระเครื่องเริ่มมีราคาสูงขึ้น เพราะมีผู้นิยมมากโดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นิยมนำไปให้เจ้านาย การขุดพระในระยะหลังๆ มีการขุดพระซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเป็นเหตุให้เจดีย์ วิหาร โบสถ์ ถูกทำลายไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากใครๆ ต่างก็แสวงหาพระเครื่อง หากใครเอ่ยว่าที่ใดกรุแตก ก็จะรีบเร่งไปแสวงหาเพื่อให้ได้มาครอบครอง แม้ว่าจะผิดกฎหมายแต่ก็ยังมีการขุดกันอย่างเปิดเผย เมื่อขุดพบก็นำมาแบ่งกัน หรือซื้อขายทันทีเหมือนเป็นเรื่องปกติในยุคสมัยนั้น

แม้แต่เศษของพระซุ้มกอ ผู้คนก็ยังแสวงหาเพราะทรงอานุภาพมาก อิทธิฤทธิ์ และคาถาอาคมที่กำกับ ต่างเป็นที่เล่าลือของเกจิทั้งหลาย ที่นำมาทดลองปลุกเสก ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าแม้แค่ชิ้นส่วนยังทรงอานุภาพขนาดนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่พระซุ้มกอกำแพงเพชร มีค่า และราคา เลขเจ็ดหลัก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีผู้คนแสวงหากันมาก

ไม่ใช่แค่เพียงตำนานเรื่องเล่าแต่พุทธคุณนั้นยังเด่นดังด้านค้าขาย ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา เมตตามหานิยม หนุนนำความรัก เสริมอำนาจ โภคทรัพย์ตามคำขนานนามที่กล่าวว่า “มีกูแล้วไม่จน”

กลับสู่สารบัญ

3. พระผงสุพรรณทองคำ

พิมพ์พระที่จัดว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะ ดูเผินๆ อาจจะดูเหมือนพระนางพญา แต่ “พระผงสุพรรณทองคำ” จะมีความเรียวสูงมากกว่า และพิมพ์พระพุทธรูปมีรายละเอียดค่อนข้างครบทั้งตา หู จมูก และปาก มีส่วนเว้าบริเวณช่วงลำคอ โดยรวมดูเหมือนเป็นพิมพ์พระทรงสามเหลี่ยม หากแต่ส่วนยอดนั้นเป็นหัวตัด ทำให้มีเหลี่ยมมุมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะขององค์พระที่ไม่เหมือนองค์อื่นๆ

ส่วนใหญ่พระผงสุพรรณเนื้อทองคำ หาองค์พระที่บูชาเดี่ยว แยกจากชุดพระเครื่องเบญจภาคีนั้นค่อนข้างยาก เพราเป็นพระที่มีประวัติเก่าแก่ยาวนาน ทั้งยังมีพุทธคุณเข้มขลังเสริมบารมี แคล้วคลาดคงกระพัน ใครได้ได้บูชานั้นถือว่าสุดยอด

อีกหนึ่งตำนานพิมพ์พระที่ขึ้นชื่อว่าหายากที่สุดในบรรดาพระเบญจภาคี ทั้งความเก่าแก่ หายาก ตำนานพุทธคุณเข้มขลังเลื่องลือจึงทำให้พระผงสุพรรณนั้นเป็นอีกหนึ่งพระเบญจภาคีที่ทุกคนตามหา ถูกพบครั้งแรกจากพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อปี พ.ศ.2456 ไม่มีประวัติผู้จัดสร้างที่ชัดเจน

มีเพียงข้อสันนิษฐานกล่าวเอาไว้ว่าพระผงสุพรรณถูกสร้างขึ้นในสมัยอู่ทอง จากการประเมินลักษณะของพิมพ์ ที่มีความสวยงาม และโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ตรงกับศิลปะในยุคสมัยนั้น ต่อมาได้นำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) และพระองค์ทรงพระราชทานบางส่วนแก่ข้าราชบริพาร จึงทำให้มีคำกล่าวที่ว่า พระผงสุพรรณเปรียบเสมือนสมบัติเก่าแก่ของตระกูลราชการเก่านั่นเอง

มนต์เสน่ห์แห่งอำนาจ บารมี

ที่สุดของตำนานเรื่องเล่าความแข็งแกร่ง เสริมอำนาจ บารมี ต้องยกให้ “พระผงสุพรรณ” อีกหนึ่งเรื่องเล่าขานถึงพุทธคุณขลังเกิดจากเรื่องเล่าโบราณของชาวสุพรรณในสมัยก่อนนั้น เล่าลือกันว่าในนั้น มีกิจกรรมกีฬาที่ชาวสุพรรณเรียกกันว่า ชนควาย เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีผู้คนพนันกันมากมาย และประกอบกับในยุคสมัยนั้นพระผงสุพรรณได้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมากจนไม่มีมูลค่า ไม่มีคนสนใจ

ผู้คนจึงได้เลือกหยิบเอาพระผงสุพรรณที่แตกหักนำไปบดละเอียด และนำไปผสมให้ควายกินจนเกิดเรื่องเล่าขานต่อๆ กันมาว่าควายเหล่านั้นที่ได้กินเศษพระผงสุพรรณเข้าไปนั้น อึดตายยาก พละกำลังแข็งแรง และหนังเหนียวขึ้นจนกลายเป็นตำนานเล่าขานต่อๆ กันสืบมา จึงทำให้พระผงสุพรรณนั้นมีพุทธคุณเด่นดังด้านคงกระพันชาตรี เมตตาบารมียิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม เป็นที่รักของผู้มีอำนาจ

กลับสู่สารบัญ

4. พระรอดทองคำ

ขึ้นชื่อว่าเป็นพระทองคำที่มีความเรียวเล็ก รายละเอียดเยอะ และมีการปลุกเสกผ่านพิธีขลังหลายวัดด้วยกัน โดยวัดเด่นๆ ที่ปลุกเสกพระรอดได้มีความเข้มขลัง และเป็นที่นิยม นั่นก็คือ พระรอดวัดมหาวัน จ.ลำพูน และอีกวัดที่ปลุกเสกพระรอดได้สวยงาม คงพุทธลักษณ์ดั้งเดิมไว้ได้ครบถ้วนไม่แพ้กันนั่นก็คือ พระรอดวัดนางพญา จ.พิษณุโลก ที่จัดสร้าง “พระรอดทองคำ” ออกมาคงไว้ซึ่งพุทธคุณ รอดพ้น ทุกข์ภัย แคล้วคลาด เป็นมงคลอย่างหาที่สุดมิได้

สัมผัสเสน่ห์ขลังเก่าแก่ล้ำค่ากว่า 1,200 ปี อีกหนึ่งตำนานพระกรุเก่าที่เด่นดังด้านโชคลาง ชื่อนามมงคล “พระรอด” ช่วยให้ผู้ที่นับถือบูชาพบเจอแต่สิ่งดีๆ แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายสมดั่งนามว่าพระรอดนั่นเอง

พระรอดถูกขุดพบครั้งแรกราวต้นรัชกาลที่ ๕ เผยพุทธศิลป์สุดวิจิตรแห่งสมัยทวารวดี-ศรีวิชัย รูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะของสมัยหริภุญไชย ในสมัยพระนางจามเทวี ครองเมืองลำพูน จนเป็นที่รู้จักกันในนามพระรอดกรุวัดมหาวัน ลำพูน โดยที่มาของชื่อพระรอดนั้น ตามที่เล่าขานต่อๆ กันมาว่าเรียกตามนามพระฤาษีผู้สร้าง “นารทะ” หรือ พระฤาษี “นารอด” ซึ่งออกเสียงตามภาษามอญ

พระรอดถูกขุดพบที่วัดมหาวัน เป็นพระเครื่องขนาดพิมพ์เล็กจนมีอีกคำกล่าวว่าชื่อ พระรอดนั้นนั้นอาจจะเพี้ยนมาจากพระลอด ก็เป็นได้ ลักษณะโดยทั่วไป เป็นพระปางมารวิชัยประทับนั่งขัดสมาธิปางมารวิชัยข้างหลังองค์พระมีลวดลายกระจัง หรือที่ชาวพื้นเมืองเหนือเรียกกันว่า “ใบโพธิ์” พุทธลักษณ์งดงามด้วยจุดเด่นของช่างแกะพิมพ์ ที่รายละเอียดได้ คม ชัด ลึก อัดแน่นด้วยพุทธคุณขลัง สง่างามไร้ที่ติ

มนต์เสน่ห์แห่งเมตตากรุณา แคล้วคลาดปลอดภัย

ความเชื่อการห้อยพระเครื่องนั้น จะช่วยคุ้มครองผู้ที่นับถือบูชาให้แคล้วคลาดจากภยันอันตราย แต่หากเอ่ยถึงพุทธคุณเด่นดังด้านนี้ ทุกคนคงนึกถึงพระเครื่องดังนามมงคล ที่เรียกว่า “พระรอด” จากตำนานเล่าขานส่วนหนึ่งได้มีการกล่าวถึงเอาไว้ว่าในยุคสมัยที่มีการขุดพบพระรอดนั้น เป็นพระเครื่องที่นิยมในหมู่ทหารออกศึก ช่วยให้ทหารเหล่านั้นแคล้วคลาดปลอดภัย จนกลายเป็นความเชื่อ เป็นเหตุให้พระรอดนั้นได้รับความนิยมสืบมา

พุทธคุณเด่นดังจากปากต่อปากทำให้พระรอดเป็นอีกหนึ่งพระสำคัญที่มีประวัติอันยาวนานแต่ยังคงมีความเชื่อ และพุธคุณเด่นดังจนได้เป็น 1 ใน 5 สุดยอดพระเบญจภาคี หากใครได้ครอบครองบูชาพระรอดแล้วนั้น จะเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตากรุณา จะทำการสิ่งใดก็จะลื่นไหล แคล้วคลาด พบเจอแต่โชคราง และสิ่งดีๆ

กลับสู่สารบัญ

5. พระนางพญาทองคำ

งดงาม จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่งพระเครื่อง” สำหรับ “พระนางพญาทองคำ” ที่มีต้นตำรับปลุกเสกเข้มขลังจากวัดนางพญา ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก โดยพระเกจิอาจารย์ดังเลื่องชื่อทั่วประเทศ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ไม่เห็นพระพักตร์ พระกรรณขององค์พระยาวลงมาเป็นเส้นจรดพระอังสา และพระอังสาทั้งสองข้างจะเทลาดลงไปสู่ขอบทั้งสองด้าน เส้นสังฆาฏิกว้างเป็นแผ่นหนาเห็นได้ชัด พระหัตถ์ขวาวางพาดบนพระชานุ และพระหัตถ์ซ้ายจะงอเป็นขอเบ็ด ไม่มีฐาน ไม่มีซุ้ม ขอบตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมชิดองค์พระประธาน

1 ใน 5 พระเบญจภาคี พิมพ์สำคัญที่ไม่มีบันทึกการจัดสร้างที่ชัดเจน มีการสันนิษฐานกันเอาไว้ว่าจัดสร้างโดยพราหมณ์ ณ เมืองสองแคว จังหวัดพิษณุโลก โดยคาดการณ์กันว่ามีอายุประมาณ 400-500 ปี หรือบ้างก็สันนิษฐานกันว่าพระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา และพระราชมารดาใน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างพระนางพญาขึ้น ในคราวบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดราชบูรณะ ราวปี พ.ศ. 2090 – 2100 และถูกขุดพบครั้งแรกที่กรุวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ในปี พ.ศ.2444 และถูกขุดพบครั้งสุดท้ายที่วัดราชบูรณะ จังหวัดพิษณุโลก ในปีพ.ศ.2532

ลักษณะเป็นพิมพ์สามเหลี่ยมหน้าจั่ว ขนาดปานกลาง พุทธลักษณ์โดดเด่น งามสง่า สมดั่งนาม “นางพญา” เผยเสน่ห์ศิลปะผสมผสานระหว่างสุโขทัยและอยุธยา ขอบแม่พิมพ์โดดเด่นด้วยการตอกชิดองค์พระ โดยบริเวณอกนูนเด่น พระหัตถ์ขวาพาดที่พระชานุ ท่อนแขนทอดอ่อนช้อยงดงามจนได้รับขนานนามว่า “ราชินีแห่งพระเครื่อง”

มนต์เสน่ห์แห่งผู้นำ ผู้คนรักใคร่

หากเอ่ยถึง “พระนางพญา” เชื่อว่าเป็นชื่อที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก อีกหนึ่งพระพิมพ์นิยมในยุคปัจจุบันที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนที่เป็นนักปกครอง หรือหัวหน้า มีลูกน้องใต้บังคับบัญชาต่างใฝ่หา ด้วยความเชื่อต่อๆ กันมาว่าจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชายำเกรง พุทธคุณโดดเด่นเสริมพลังแห่งความมั่นใจ สร้างอำนาจ เสริมบารมี ให้มีแต่ผู้คนรักใคร่ อีกหนึ่งพระพิมพ์ยอดนิยมร่วมสมัยที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาย และหญิงด้วยคำว่า “นางพญา”

อีกหนึ่งเรื่องเล่าจากผู้ที่นับถือบูชาเล่าว่าวันหนึ่งได้รับมอบพระนางพญามาจากพระภิกษุที่นับถือเป็นของขวัญวันจบการศึกษา หลังจากนั้นขณะขับรถกลับบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์ก็ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ส่งผลให้ร่างกายนั้นกระเด้นออกจากรถมอเตอร์ไซค์ทันที แต่กลับมีอภินิหารเสมือนมีบางสิ่งมารองรับไว้จึงมีเพียงแค่บาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องเล่า ความเชื่อส่วนบุคคลที่เล่าสืบต่อกันมาปากต่อมา และประสบการณ์ร่วมของผู้นับถือบูชาทุกคน ทำให้พระนางพญานั้นมีครบทั้งความเก่าแก่ พุทธลักษณ์สง่างาม ชื่อนามมงคล และพุทธคุณเข้มขลัง จนทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

กลับสู่สารบัญ

บทสรุป

กล่าวสรุปโดยรวมแล้วพระเบญจภาคี ตำนานสุดยอด 5 พระเครื่องของประเทศไทย ไม่ใช่แค่เก่าแก่เพียงนามแต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางศิลปะ และร่องรอยของแต่ละยุคสมัยที่ถูกบันทึกตามกาลเวลาสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน เข้มขลังไปด้วยความเชื่อ และพุทธคุณที่ร่ำลือต่อกันมา ควรค่าแก่การเก็บรักษา และสืบทอดต่อไปถึงคนรุ่นหลัง เป็นสุดยอดตำนานพระเครื่องไทยสืบต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า